1
ความหมายของ PLC
โปรแกรมเมเบิลลอจิกคอลโทรลเลอร์
(Programmable logic Control : PLC)
เป็นอุปกรณ์ควบคุมการทำงานของเครื่องจักรหรือกระบวนการทำงานต่างๆ โดยภายในมี
Microprocessor เป็นมันสมองสั่งการที่สำคัญ PLC
จะมีส่วนที่เป็นอินพุตและเอาต์พุตที่สามารถต่อออกไปใช้งานได้ทันที ตัวตรวจวัดหรือสวิทตช์ต่างๆ
จะต่อเข้ากับอินพุต
ส่วนเอาต์พุตจะใช้ต่อออกไปควบคุมการทำงานของอุปกรณ์หรือเครื่องจักรที่เป็นเป้าหมาย
เราสามารถสร้างวงจรหรือแบบของการควบคุมได้โดยการป้อนเป็นโปรแกรมคำสั่งเข้าไปใน
PLC
นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นเช่นเครื่องอ่านบาร์โค๊ด
(Barcode Reader) เครื่องพิมพ์ (Printer)
ซึ่งในปัจจุบันนอกจากเครื่อง PLC
จะใช้งานแบบเดี่ยว (Stand alone) แล้วยังสามารถต่อ
PLC หลายๆ ตัวเข้าด้วยกัน (Network)
เพื่อควบคุมการทำงานของระบบให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วยจะเห็นได้ว่าการใช้งาน
PLC มีความยืดหยุ่นมากดังนั้นในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ
จึงเปลี่ยนมาใช้ PLC มากขึ้น
2
โปรแกรมเมเบิล ลอจิก คอนโทรลเลอร์ (PLC)
PLC เป็นอุปกรณ์ชนิดโซลิด –
สเตท (Solid State) ที่ทำงานแบบลอจิก
(Logic Functions) การออกแบบการทำงานของ PLC
จะคล้ายกับหลักการทำงานของคอมพิวเตอร์ จากหลักการพื้นฐานแล้ว
PLC จะประกอบด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า Solid-State
Digital Logic Elements เพื่อให้ทำงานและตัดสินใจแบบลอจิก
PLC
ใช้สำหรับควบคุมกระบวนการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ในโรงงานอุตสาหกรรม
การใช้ PLC
สำหรับควบคุมเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ต่างๆ
ในโรงงานอุตสาหกรรมจะมีข้อได้เปรียบกว่าการใช้ระบบของรีเลย์ (Relay)
ซึ่งจำเป็นจะต้องเดินสายไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า Hard-
Wired ฉะนั้นเมื่อมีความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนกระบวนการผลิต
หรือลำดับการทำงานใหม่ ก็ต้องเดินสายไฟฟ้าใหม่
ซึ่งเสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายสูง แต่เมื่อเปลี่ยนมาใช้ PLC
แล้ว
การเปลี่ยนกระบวนการผลิตหรือลำดับการทำงานใหม่นั้นทำได้โดยการเปลี่ยนโปรแกรมใหม่เท่านั้น
นอกจากนี้แล้ว PLC ยังใช้ระบบโซลิด –
สเตท ซึ่งน่าเชื่อถือกว่าระบบเดิม การกินกระแสไฟฟ้าน้อยกว่า
และสะดวกกว่าเมื่อต้องการขยายขั้นตอนการทำงานของเครื่องจักร
3
โครงสร้างของ PLC
PLC
เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำหรับใช้ในงานอุตสาหกรรม PLC
ประกอบด้วย หน่วยประมวลผลกลาง หน่วยความจำ หน่วยรับข้อมูล
หน่วยส่งข้อมูล และหน่วยป้อนโปรแกรม PLC
ขนาดเล็กส่วนประกอบทั้งหมดของ PLC
จะรวมกันเป็นเครื่องเดียว แต่ถ้าเป็นขนาดใหญ่สามารถแยกออกเป็นส่วนประกอบย่อยๆ
ได้
หน่วยความจำของ PLC ประกอบด้วย หน่วยความจำชนิด RAM และ ROM หน่วยความจำชนิด RAM ทำหน้าที่เก็บโปรแกรมของผู้ใช้และข้อมูลสำหรับใช้ในการปฏิบัติงานของ PLC ส่วน ROM ทำหน้าที่เก็บโปรแกรมสำหรับใช้ในการปฏิบัติงานของ PLC ตามโปรแกรมของผู้ใช้ ROM ย่อมาจาก Read Only Memory สามารถโปรแกรมได้แต่ลบไม่ได้ ถ้าชำรุดแล้วซ่อมไม่ได้
หน่วยความจำของ PLC ประกอบด้วย หน่วยความจำชนิด RAM และ ROM หน่วยความจำชนิด RAM ทำหน้าที่เก็บโปรแกรมของผู้ใช้และข้อมูลสำหรับใช้ในการปฏิบัติงานของ PLC ส่วน ROM ทำหน้าที่เก็บโปรแกรมสำหรับใช้ในการปฏิบัติงานของ PLC ตามโปรแกรมของผู้ใช้ ROM ย่อมาจาก Read Only Memory สามารถโปรแกรมได้แต่ลบไม่ได้ ถ้าชำรุดแล้วซ่อมไม่ได้
1. RAM (Random Access Memory)
หน่วยความจำประเภทนี้จะมีแบตเตอรี่เล็กๆ ต่อไว้
เพื่อใช้เลี้ยงข้อมูลเมื่อเกิดไฟดับ การอ่านและเขียนโปรแกรมลงใน RAM
ทำได้ง่ายมาก
จึงเหมาะกับการใช้งานในระยะทดลองเครื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขโปรแกรมบ่อยๆ
2. EPROM (Erasable Programmable Read Only
Memory) หน่วยความจำชนิด EPROM
นี้จะต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการเขียนโปรแกรม
การลบโปรแกรมทำได้โดยใช้แสงอัลตราไวโอเลตหรือตากแดดร้อนๆ นานๆ
มีข้อดีตรงที่โปรแกรมจะไม่สูญหายแม้ไฟดับ
จึงเหมาะกับการใช้งานที่ไม่ต้องเปลี่ยนโปรแกรม
3. EEPROM (Electrical Erasable Programmable
Read Only Memory)
หน่วยความจำชนิดนี้ไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการเขียนและลบโปรแกรม
โดยใช้วิธีการทางไฟฟ้าเหมือนกับ RAM
นอกจากนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมีแบตเตอรี่สำรองไฟเมื่อไฟดับ ราคาจะแพงกว่า
แต่จะรวมคุณสมบัติที่ดีของทั้ง RAM และ EPROM
เอาไว้ด้วยกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น